การลดต้นทุนการผลิตข้าว โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี การใช้สารไล่แมลง ปุ๋ยน้ำชีวภาพและน้ำส้มควันไม้
ของ นายจันทร์ สุขแท้ หมู่ที่ 9 ตำบลป่าแฝก
กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตำบลป่าแฝก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ของชุมชน โดยเกษตรกรเรียนรู้ร่วมกัน การจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้มีเกษตรกรร่วมแลกเปลี่ยน จำนวน 4 ราย คือ ผู้ใหญ่ชมัยภรณ์ ชื่นจิตร , นางประมวล สุรยศ , นายจันทร์ สุขแท้ , นางบุญเมือง อยู่จันทร์ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ถอดประสบการณ์ร่วมกับนางสาวคมคาย ผู้แส , นางพิกุล สุวนานนท์ , นายสำราญ อินเชื้อ , นายชูเดช ดีแล้ว และนายชัยเลิศ บำรุงดี รายละเอียดดำเนินมีดังต่อไปนี้
1. การนำเข้าสู่บทเรียน
นางสาวคมคาย ผู้แส นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6 ว นำเข้าสู่บทเรียนโดยกล่าวสรุปว่าการลดต้นทุนการผลิตข้าว โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี การใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ , สารไล่แมลง และน้ำส้มควันไม้ ทดแทนการใช้เคมี โดยให้ผู้ร่วมแลกเปลี่ยนเข้าใจถึงกระบวนการในการถอดประสบการณ์ โดยให้นางพิกุล สุวนานนท์ และนายชัยเลิศ บำรุงดี ทำหน้าที่ซักถามถอดประสบการณ์ทำนาหว่านน้ำตม ทั้งหมด 20 ไร่ ข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี 3 ซึ่งในตอนทำเทือกนาใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่หมักไว้หยดลงในแปลงนา เพื่อทำให้ฟางข้าวย่อยสลายตัวได้เร็วขึ้น และหว่านข้าวในแปลง เมื่อข้าวอายุได้ 7 วัน ก็ฉีดยาคุมหญ้าและใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี 3 ครั้ง ดังนี้
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 เมื่อข้าวอายุได้ 20 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด จำนวน 20 กก. ผสมปุ๋ยสูตร 46-0-10 จำนวน 10 กก./ไร่
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อข้าวอายุได้ 45 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด จำนวน 20 กก. ผสมปุ๋ยสูตร 46-0-0 จำนวน 10 กก./ไร่
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 เมื่อข้าวอายุได้ 65 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด จำนวน 20 กก. ผสมปุ๋ยสูตร 46-0-0 จำนวน 10 กก./ไร่
ในการใช้สารไล่แมลงผสมกับน้ำส้มควันไม้ ฉีดพ่นในแปลงนาจำนวน 2 ครั้ง ช่วงเมื่อข้าวอายุได้ 20 วัน และอายุ 65 วัน ผลผลิตที่ได้จากการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ผสมปุ๋ยเคมี ได้ผลผลิตไว้ 1,100 กก./ไร่
ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่
เกษตรกรสามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ โดยการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี โดยการหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ดและสารไล่แมลง, ปุ๋ยน้ำชีวภาพ และน้ำส้มควันไม้ ซึ่งผลิตได้เองในหมู่บ้านและมีราคาถูก เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ดินมีคุณภาพดี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรในภายภาคหน้า
(นางสาวคมคาย ผู้แส - นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6ว 19 สิงหาคม 2551)
กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตำบลป่าแฝก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ของชุมชน โดยเกษตรกรเรียนรู้ร่วมกัน การจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้มีเกษตรกรร่วมแลกเปลี่ยน จำนวน 4 ราย คือ ผู้ใหญ่ชมัยภรณ์ ชื่นจิตร , นางประมวล สุรยศ , นายจันทร์ สุขแท้ , นางบุญเมือง อยู่จันทร์ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ถอดประสบการณ์ร่วมกับนางสาวคมคาย ผู้แส , นางพิกุล สุวนานนท์ , นายสำราญ อินเชื้อ , นายชูเดช ดีแล้ว และนายชัยเลิศ บำรุงดี รายละเอียดดำเนินมีดังต่อไปนี้
1. การนำเข้าสู่บทเรียน
นางสาวคมคาย ผู้แส นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6 ว นำเข้าสู่บทเรียนโดยกล่าวสรุปว่าการลดต้นทุนการผลิตข้าว โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี การใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ , สารไล่แมลง และน้ำส้มควันไม้ ทดแทนการใช้เคมี โดยให้ผู้ร่วมแลกเปลี่ยนเข้าใจถึงกระบวนการในการถอดประสบการณ์ โดยให้นางพิกุล สุวนานนท์ และนายชัยเลิศ บำรุงดี ทำหน้าที่ซักถามถอดประสบการณ์ทำนาหว่านน้ำตม ทั้งหมด 20 ไร่ ข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี 3 ซึ่งในตอนทำเทือกนาใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพที่หมักไว้หยดลงในแปลงนา เพื่อทำให้ฟางข้าวย่อยสลายตัวได้เร็วขึ้น และหว่านข้าวในแปลง เมื่อข้าวอายุได้ 7 วัน ก็ฉีดยาคุมหญ้าและใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี 3 ครั้ง ดังนี้
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 เมื่อข้าวอายุได้ 20 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด จำนวน 20 กก. ผสมปุ๋ยสูตร 46-0-10 จำนวน 10 กก./ไร่
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อข้าวอายุได้ 45 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด จำนวน 20 กก. ผสมปุ๋ยสูตร 46-0-0 จำนวน 10 กก./ไร่
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 เมื่อข้าวอายุได้ 65 วัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด จำนวน 20 กก. ผสมปุ๋ยสูตร 46-0-0 จำนวน 10 กก./ไร่
ในการใช้สารไล่แมลงผสมกับน้ำส้มควันไม้ ฉีดพ่นในแปลงนาจำนวน 2 ครั้ง ช่วงเมื่อข้าวอายุได้ 20 วัน และอายุ 65 วัน ผลผลิตที่ได้จากการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ผสมปุ๋ยเคมี ได้ผลผลิตไว้ 1,100 กก./ไร่
ความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่
เกษตรกรสามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ โดยการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี โดยการหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ดและสารไล่แมลง, ปุ๋ยน้ำชีวภาพ และน้ำส้มควันไม้ ซึ่งผลิตได้เองในหมู่บ้านและมีราคาถูก เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ดินมีคุณภาพดี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรในภายภาคหน้า
(นางสาวคมคาย ผู้แส - นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6ว 19 สิงหาคม 2551)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง